สวัสดีเพื่อน ๆ ที่ชื่นชอบการปลูกต้นไม้ วันนี้จะมาแนะนำ ต้นมะม่วงหิมพานต์ เป็นพืชที่รู้จักกันดี และนิยมปลูกกันในหลายพื้นที่ และแต่ละพื้นที่ก็มีชื่อเรียกที่ต่างกัน เช่น ลูกยาร่วง ลูกเล็ดล่อ เป็นต้น ปัจจุบันมีการปลูกต้นมะม่วงหิมพานต์จำนวนมาก ในเชิงการค้า เพราะเราสามารถใช้ประโยชน์จากเมล็ด โดยการผ่าเอาเนื้อด้านใน เพื่อแปรรูปเป็นเมนูต่าง ๆ เช่น มะม่วงหิมพานต์อบเกลือ มะม่วงหิมพานต์คั่ว หรือเป็นส่วนประกอบในเมนูอาหารต่างๆ ตลอดจนเป็นเครื่องปรุงในการทำขนมต่าง ๆ
เราจะพบว่ามีการใช้ประโยชน์จากเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ได้อย่างมากมาย เป็นพืชที่สามารถปลูกเป็นการค้าได้เป็นอย่างดี เพราะมีตลาดรองรับมากมายทั้งในประเทศและต่างประเทส
การใช้ประโยชน์
สำหรับการใช้ประโยชน์จากต้นมะม่วงหิมพานต์ของชาวบ้าน เช่น
- ยอดอ่อน นำมากินเป็นผักเหนาะกับขนมจีน หรือน้ำพริกต่าง ๆ
- เมล็ด สามารถผ่าเอาเนื้อใน นำมาประกอบอาหารต่าง ๆ เช่น เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ต้มกุ้ง หรือ นำเมล็ดมาคั่วให้สุก แล้วทุบเปลือกออก ก็จะได้เมล็ดหิมพานคั่ว สำหรับรับประทาน มีกลิ่นหอม ชวนกิน
- ผลสุก สามารถรับประทานได้ มีรสชาติหวานผสมฝาดเล็กน้อย นิยมโรยด้วยเกลือ และน้ำตาลทราย รับประทานเป็นของว่าง หรือมีการคั้นเอาน้ำไปทำเครื่องดื่ม
- ผลอ่อน หรือ ผลแก่ สามารถนำมาแกงกะทิกับกุ้ง เนื้อหมูได้ รสชาติอร่อยยิ่งนัก
- เมล็ดที่ผ่านการอบแห้ง นิยมนำมาปรุงอาหารต่าง ๆ เช่น ไก่ผัดเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ หรือใช้โรยหน้าขนมเค๊ก ขนมปัง เป็นต้น
มะม่วงหิมพานต์ ปัจจุบันมีหลายพันธุ์ให้เลือกปลูก แต่ที่พบโดยทั่วไป คือ ผลสีเหลืองและผลสีแดง พันธุ์ผลสีเหลืองผลจะมีรสชาติหวานกว่าผลสีแดง ดังนั้นหากท่านจะปลูกไว้รับประทานผลด้วย แนะนำให้ปลูกพันธุ์ที่มีผลสีเหลือง สามารถปลูกได้ทุกพื้นที่ในประเทศไทย ออกลูกปีละ 1 ครั้ง
วิธีเก็บเมล็ดมะม่วงหิมพานต์
เลือกเก็บจากผลที่สุกเต็มที่ ซึ่งเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ที่ผลสุกเต็มที่จะมีเปลือกสีดำ เราจะเก็บเมล็ดมาตากแดด 1-2 ครั้ง เพื่อให้เมล็ดแห้งสนิทและไล่ความชื้นออกจากเมล็ด และเก็บใส่กระสอบ สามารถเก็บไว้ใช้งานได้นานหลายเดือน หากตากแดดไม่แห้งสนิทเมื่อเราเก็บส่กระสอบ อาจเกิดเชื้อราขึ้นที่ผิวของเมล็ด
การผ่าเมล็ด
เปลือกของเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ มีความแข็ง เราต้องผ่าเอาเนื้อในมารับประทาน แต่การผ่าเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ต้องระมัดระวัง เพราะในเปลือกมียาง ที่เป็นพิษต่อผิวหนัง ทำให้ผิวหนังไหม้ได้ ดังนั้นท่านต้องสวมถุงมือ เมื่อผ่าเมล็ด และระวังอย่าให้ยางของเมล็ดกระเด็นเข้าตา
ดังนั้นท่่านที่มีพื้นที่ สามารถปลูกต้นมะม่วงหิมพานต์ไว้รับประทานในครัวเรือนได้ โดยเฉพาะการเก็บยอดรับประทาน ซึ่งสามารถเก็บรับประทานได้ทั้งปี เป็นพืชที่ทนแล้งได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องดูแลมาก